ปลากะพงเปรี้ยวหวาน


ปลากะพงเปรี้ยวหวาน

การทำอาหาร:ปลากะพงแดงเปรี้ยวหวานมีสีแดงสดและราดด้วยซอสเปรี้ยวหวานสีเหลืองอำพัน ไม่ว่าคุณจะต้อนรับแขกหรือรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว อาหารจานนี้จะทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงดูดีขึ้นทันที และถือเป็น "ตำแหน่ง C" บนโต๊ะอย่างแน่นอน! แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในการปรุงอาหารและความจริงใจในการต้อนรับแขก ปฏิบัติตามเทคนิคสำคัญ 4 ประการต่อไปนี้เพื่อสร้างสรรค์อาหารจานอร่อยที่มีรูปลักษณ์และรสชาติที่ดี: 1. การเลือกแป้ง: แป้งมันฝรั่งใช้สำหรับทอดแป้ง ลักษณะเฉพาะของแป้งมันฝรั่งสามารถทำให้ตัวปลามีเปลือกบางและกรอบ ทำให้จานนี้มีรสชาติที่เข้มข้น 2. การดับกลิ่น: ต้องกำจัดกลิ่นคาวอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าปลามีรสชาติบริสุทธิ์และหวาน 3. การเลือกส่วนผสม: ขอแนะนำให้เลือกปลากะพงที่มีกระดูกน้อย เนื้อหนา และเนื้อแน่น ซึ่งไม่เพียงแต่จะรับประกันความสะดวกและความเพลิดเพลินในการรับประทานเท่านั้น แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดจานอาหารอีกด้วย แน่นอนว่าคุณสามารถเลือกพันธุ์ปลาอื่นๆ ที่เหมาะสมตามความชอบส่วนตัวของคุณได้ 4. การผสมซอสเปรี้ยวหวาน : ในการเตรียมซอสเปรี้ยวหวาน ให้พยายามทำตามสัดส่วนของสูตร

วัตถุดิบ

ขั้นตอน

  1. ดับกลิ่นคาวของวัตถุดิบ (ใช้มือถูเอาส่วนน้ำออกให้หมด + ปรุงและผสมให้เข้ากัน) สำหรับคนชอบทานปลา ลองดูนะคะ
  2. ต้มโป๊ยกั๊ก ใบกระวาน พริกไทยเขียวและแดง หัวหอม ขิง เกลือ และขึ้นฉ่ายในน้ำเพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้นล้างและหั่นเป็นชิ้นสำหรับใช้ในภายหลัง
    ต้มโป๊ยกั๊ก ใบกระวาน พริกไทยเขียวและแดง หัวหอม ขิง เกลือ และขึ้นฉ่ายในน้ำเพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้นล้างและหั่นเป็นชิ้นสำหรับใช้ในภายหลัง
  3. เติมน้ำ 300 มล. ลงในหม้อ ใส่ส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 (ส่วนผสมที่ต้องต้มในน้ำเพื่อดับกลิ่นคาว) นำไปต้มด้วยไฟแรง จากนั้นเคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 5 นาที ปิดไฟและปล่อยให้เย็นเพื่อทำซอสดับกลิ่น
    เติมน้ำ 300 มล. ลงในหม้อ ใส่ส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 (ส่วนผสมที่ต้องต้มในน้ำเพื่อดับกลิ่นคาว) นำไปต้มด้วยไฟแรง จากนั้นเคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 5 นาที ปิดไฟและปล่อยให้เย็นเพื่อทำซอสดับกลิ่น
  4. หั่นขิงเป็นเส้นและหั่นต้นหอมเป็นชิ้นๆ แล้วพักไว้
    หั่นขิงเป็นเส้นและหั่นต้นหอมเป็นชิ้นๆ แล้วพักไว้
  5. ใส่ขิงและต้นหอมซอยลงในชาม เติมน้ำ 150 มล. ถูขิงและต้นหอมซ้ำๆ ด้วยมือเพื่อคั้นน้ำขิงและต้นหอมออกมา
    ใส่ขิงและต้นหอมซอยลงในชาม เติมน้ำ 150 มล. ถูขิงและต้นหอมซ้ำๆ ด้วยมือเพื่อคั้นน้ำขิงและต้นหอมออกมา
  6. ผสมน้ำดับกลิ่นที่เย็นแล้วกับขิงและน้ำต้นหอม จากนั้นเทเหล้าแรงๆ 50 มล. ลงไป (เหล้าจะละลายในน้ำผลไม้และจะไม่เหลือเหล้าเหลืออยู่หลังจากการดับกลิ่น)
    ผสมน้ำดับกลิ่นที่เย็นแล้วกับขิงและน้ำต้นหอม จากนั้นเทเหล้าแรงๆ 50 มล. ลงไป (เหล้าจะละลายในน้ำผลไม้และจะไม่เหลือเหล้าเหลืออยู่หลังจากการดับกลิ่น)
  7. ควรขอให้คนขายปลาแล่ปลาให้ หากคุณแล่ปลาเอง ให้ล้างและสะเด็ดน้ำ จากนั้นแล่ปลาให้ลึกพอประมาณเพื่อให้ปรุงรสและขึ้นรูปได้ง่ายขึ้นเมื่อทอด
    ควรขอให้คนขายปลาแล่ปลาให้ หากคุณแล่ปลาเอง ให้ล้างและสะเด็ดน้ำ จากนั้นแล่ปลาให้ลึกพอประมาณเพื่อให้ปรุงรสและขึ้นรูปได้ง่ายขึ้นเมื่อทอด
  8. ใส่เนื้อปลากะพงหั่นชิ้นลงไปในน้ำดับกลิ่นผสมอาหาร แช่ไว้ด้านละ 15 นาที (รวม 30 นาที) จากนั้นตักขึ้นพักไว้
    ใส่เนื้อปลากะพงหั่นชิ้นลงไปในน้ำดับกลิ่นผสมอาหาร แช่ไว้ด้านละ 15 นาที (รวม 30 นาที) จากนั้นตักขึ้นพักไว้
  9. การดองและการเตรียม
  10. โรยเกลือเล็กน้อย หัวหอมซอย และพริกไทยขาวบนตัวปลา หมักไว้ 15 นาที
    โรยเกลือเล็กน้อย หัวหอมซอย และพริกไทยขาวบนตัวปลา หมักไว้ 15 นาที
  11. ใช้กระดาษซับน้ำให้แห้ง อย่าลืมสะเด็ดน้ำออกเล็กน้อย
    ใช้กระดาษซับน้ำให้แห้ง อย่าลืมสะเด็ดน้ำออกเล็กน้อย
  12. วิธีทำ คือ ใส่แป้งมันฝรั่ง 4 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 1 ช้อน และไข่ 2 ฟองลงในชาม แล้วผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกับโยเกิร์ต
    วิธีทำ คือ ใส่แป้งมันฝรั่ง 4 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 1 ช้อน และไข่ 2 ฟองลงในชาม แล้วผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกับโยเกิร์ต วิธีทำ คือ ใส่แป้งมันฝรั่ง 4 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 1 ช้อน และไข่ 2 ฟองลงในชาม แล้วผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกับโยเกิร์ต วิธีทำ คือ ใส่แป้งมันฝรั่ง 4 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 1 ช้อน และไข่ 2 ฟองลงในชาม แล้วผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกับโยเกิร์ต วิธีทำ คือ ใส่แป้งมันฝรั่ง 4 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 1 ช้อน และไข่ 2 ฟองลงในชาม แล้วผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกับโยเกิร์ต
  13. เตรียมแป้งแห้ง: เตรียมจานอีกจานหนึ่งและใส่แป้งมันฝรั่งไว้สองสามช้อนโต๊ะ
    เตรียมแป้งแห้ง: เตรียมจานอีกจานหนึ่งและใส่แป้งมันฝรั่งไว้สองสามช้อนโต๊ะ
  14. นำปลามาเคลือบด้วยแป้งแห้งก่อน จากนั้นเคลือบด้วยไข่บด
    นำปลามาเคลือบด้วยแป้งแห้งก่อน จากนั้นเคลือบด้วยไข่บด นำปลามาเคลือบด้วยแป้งแห้งก่อน จากนั้นเคลือบด้วยไข่บด
  15. เทน้ำมันลงในหม้อและอุ่นให้ร้อนถึง 60% (จะมีควันออกมาจากน้ำมันเล็กน้อย) ในตอนนี้ ให้จับหัวหรือหางปลา ใส่ปลาลงในหม้อ แล้วใช้ช้อนตักน้ำมันร้อนราดบนปลา หลังจากปั้นปลาเสร็จแล้ว ให้ใส่ปลาทั้งตัวลงในหม้อแล้วทอด หมายเหตุ: 1. การทอดครั้งแรก (การปั้น): ใส่น้ำมันลงในหม้อที่ความร้อน 60% (ประมาณ 180℃) ทอดประมาณ 5-7 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองเล็กน้อยและเนื้อปลาเริ่มปั้นเป็นรูปร่าง จากนั้นจึงนำออกจากกระทะ 2. การทอดซ้ำ (กรอบ): เพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเป็นความร้อน 80% (ประมาณ 220℃) กลับลงในหม้อแล้วทอดประมาณ 2-3 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองทองและกรอบ หมายเหตุ: รักษาอุณหภูมิของน้ำมันให้คงที่ระหว่างการทอดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หนังไหม้และเนื้อด้านในสุกไม่ทั่ว หากมีน้ำมันน้อยเกินไปหรือพลิกกลับได้ยาก ให้เทน้ำมันร้อนต่อไปด้วยช้อน
    เทน้ำมันลงในหม้อและอุ่นให้ร้อนถึง 60% (จะมีควันออกมาจากน้ำมันเล็กน้อย) ในตอนนี้ ให้จับหัวหรือหางปลา ใส่ปลาลงในหม้อ แล้วใช้ช้อนตักน้ำมันร้อนราดบนปลา หลังจากปั้นปลาเสร็จแล้ว ให้ใส่ปลาทั้งตัวลงในหม้อแล้วทอด หมายเหตุ: 
1. การทอดครั้งแรก (การปั้น): ใส่น้ำมันลงในหม้อที่ความร้อน 60% (ประมาณ 180℃) ทอดประมาณ 5-7 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองเล็กน้อยและเนื้อปลาเริ่มปั้นเป็นรูปร่าง จากนั้นจึงนำออกจากกระทะ 
2. การทอดซ้ำ (กรอบ): เพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเป็นความร้อน 80% (ประมาณ 220℃) กลับลงในหม้อแล้วทอดประมาณ 2-3 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองทองและกรอบ 
หมายเหตุ: รักษาอุณหภูมิของน้ำมันให้คงที่ระหว่างการทอดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หนังไหม้และเนื้อด้านในสุกไม่ทั่ว หากมีน้ำมันน้อยเกินไปหรือพลิกกลับได้ยาก ให้เทน้ำมันร้อนต่อไปด้วยช้อน เทน้ำมันลงในหม้อและอุ่นให้ร้อนถึง 60% (จะมีควันออกมาจากน้ำมันเล็กน้อย) ในตอนนี้ ให้จับหัวหรือหางปลา ใส่ปลาลงในหม้อ แล้วใช้ช้อนตักน้ำมันร้อนราดบนปลา หลังจากปั้นปลาเสร็จแล้ว ให้ใส่ปลาทั้งตัวลงในหม้อแล้วทอด หมายเหตุ: 
1. การทอดครั้งแรก (การปั้น): ใส่น้ำมันลงในหม้อที่ความร้อน 60% (ประมาณ 180℃) ทอดประมาณ 5-7 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองเล็กน้อยและเนื้อปลาเริ่มปั้นเป็นรูปร่าง จากนั้นจึงนำออกจากกระทะ 
2. การทอดซ้ำ (กรอบ): เพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเป็นความร้อน 80% (ประมาณ 220℃) กลับลงในหม้อแล้วทอดประมาณ 2-3 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองทองและกรอบ 
หมายเหตุ: รักษาอุณหภูมิของน้ำมันให้คงที่ระหว่างการทอดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หนังไหม้และเนื้อด้านในสุกไม่ทั่ว หากมีน้ำมันน้อยเกินไปหรือพลิกกลับได้ยาก ให้เทน้ำมันร้อนต่อไปด้วยช้อน เทน้ำมันลงในหม้อและอุ่นให้ร้อนถึง 60% (จะมีควันออกมาจากน้ำมันเล็กน้อย) ในตอนนี้ ให้จับหัวหรือหางปลา ใส่ปลาลงในหม้อ แล้วใช้ช้อนตักน้ำมันร้อนราดบนปลา หลังจากปั้นปลาเสร็จแล้ว ให้ใส่ปลาทั้งตัวลงในหม้อแล้วทอด หมายเหตุ: 
1. การทอดครั้งแรก (การปั้น): ใส่น้ำมันลงในหม้อที่ความร้อน 60% (ประมาณ 180℃) ทอดประมาณ 5-7 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองเล็กน้อยและเนื้อปลาเริ่มปั้นเป็นรูปร่าง จากนั้นจึงนำออกจากกระทะ 
2. การทอดซ้ำ (กรอบ): เพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเป็นความร้อน 80% (ประมาณ 220℃) กลับลงในหม้อแล้วทอดประมาณ 2-3 นาที จนผิวเป็นสีเหลืองทองและกรอบ 
หมายเหตุ: รักษาอุณหภูมิของน้ำมันให้คงที่ระหว่างการทอดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หนังไหม้และเนื้อด้านในสุกไม่ทั่ว หากมีน้ำมันน้อยเกินไปหรือพลิกกลับได้ยาก ให้เทน้ำมันร้อนต่อไปด้วยช้อน
  16. หลังจากทอดปลาเสร็จแล้วก็นำออกจากเตาแล้ววางบนกระดาษซับน้ำมัน
    หลังจากทอดปลาเสร็จแล้วก็นำออกจากเตาแล้ววางบนกระดาษซับน้ำมัน
  17. นำชามใส่ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อน น้ำส้มสายชูขาว 2 ช้อน ซีอิ๊วขาว 1 ช้อน แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา จากนั้นเทน้ำ 100 มล. ลงไป คนให้เข้ากัน ซอสเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทาน (สามารถปรับเปลี่ยนรสชาติตามความชอบส่วนตัวได้ โดยชิมก่อนผสมให้เข้ากัน)
    นำชามใส่ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อน น้ำส้มสายชูขาว 2 ช้อน ซีอิ๊วขาว 1 ช้อน แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา จากนั้นเทน้ำ 100 มล. ลงไป คนให้เข้ากัน ซอสเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทาน (สามารถปรับเปลี่ยนรสชาติตามความชอบส่วนตัวได้ โดยชิมก่อนผสมให้เข้ากัน) นำชามใส่ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อน น้ำส้มสายชูขาว 2 ช้อน ซีอิ๊วขาว 1 ช้อน แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา จากนั้นเทน้ำ 100 มล. ลงไป คนให้เข้ากัน ซอสเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทาน (สามารถปรับเปลี่ยนรสชาติตามความชอบส่วนตัวได้ โดยชิมก่อนผสมให้เข้ากัน)
  18. วางปลาทอดบนจาน (ฉันใช้จานเล็ก 😂) เปิดไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงในหม้อ 1 ช้อนโต๊ะ เทซอสเปรี้ยวหวานที่เตรียมไว้ลงไป เคี่ยวจนซอสข้นและใส จากนั้นราดบนตัวปลาขณะยังร้อนเพื่อให้หนังปลากรอบและมีรสชาติดีขึ้น เท่านี้ปลาเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทานแล้ว
    วางปลาทอดบนจาน (ฉันใช้จานเล็ก 😂) เปิดไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงในหม้อ 1 ช้อนโต๊ะ เทซอสเปรี้ยวหวานที่เตรียมไว้ลงไป เคี่ยวจนซอสข้นและใส จากนั้นราดบนตัวปลาขณะยังร้อนเพื่อให้หนังปลากรอบและมีรสชาติดีขึ้น เท่านี้ปลาเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทานแล้ว วางปลาทอดบนจาน (ฉันใช้จานเล็ก 😂) เปิดไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงในหม้อ 1 ช้อนโต๊ะ เทซอสเปรี้ยวหวานที่เตรียมไว้ลงไป เคี่ยวจนซอสข้นและใส จากนั้นราดบนตัวปลาขณะยังร้อนเพื่อให้หนังปลากรอบและมีรสชาติดีขึ้น เท่านี้ปลาเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทานแล้ว วางปลาทอดบนจาน (ฉันใช้จานเล็ก 😂) เปิดไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงในหม้อ 1 ช้อนโต๊ะ เทซอสเปรี้ยวหวานที่เตรียมไว้ลงไป เคี่ยวจนซอสข้นและใส จากนั้นราดบนตัวปลาขณะยังร้อนเพื่อให้หนังปลากรอบและมีรสชาติดีขึ้น เท่านี้ปลาเปรี้ยวหวานก็พร้อมรับประทานแล้ว
Languages
Süß-saurer Wolfsbarsch - Deutsch (German) version
Sweet and Sour Sea Bass - English version
Lubina agridulce - Española (Spanish) version
Bar aigre-doux - Français (French) version
Ikan Kerapu Asam Manis - Bahasa Indonesia (Indonesian) version
branzino in agrodolce - Italiana (Italian) version
スズキの甘酢炒め - 日本語 (Japanese) version
새콤달콤 농어 - 한국인 (Korean) version
ปลากะพงเปรี้ยวหวาน - แบบไทย (Thai) version
糖醋鱸魚 - 香港繁體中文 (Traditional Chinese - Hong Kong) version