ขนมอบเกลียวสีรุ้ง


ขนมอบเกลียวสีรุ้ง
ขนมอบเกลียวสีรุ้ง
ขนมอบเกลียวสีรุ้ง
ขนมอบเกลียวสีรุ้ง

ลองดูขนมอบรูปเกลียวสีรุ้งเหล่านี้สิ! สวยงามจับใจจริงๆ! ดูเหมือนสายรุ้งที่บิดเป็นเกลียว สลับชั้นกันเป็นชั้นๆ ไล่เฉดสีชมพู เขียว และน้ำเงิน—ละสายตาจากมันไม่ได้เลย! แถมรสชาติยังอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก! แค่กัดคำเดียวก็แตกกระจาย สอดไส้หมูหยอง ไข่แดง และถั่วแดงกวน รสชาติหวานอมเปรี้ยวลงตัว ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งหอมอร่อย ขนมชิ้นนี้ยังเป็นที่นิยมในสังคมออนไลน์อีกด้วย! เหมาะเป็นของขวัญในเทศกาลสำคัญ ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ จะต้องชื่นชมความใส่ใจของคุณอย่างแน่นอน โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย รับรองว่ามีคนกดไลก์หลายร้อยครั้งในพริบตา ทำให้คุณดูเก๋ไก๋ที่สุดในฟีด เหมาะทั้งซื้อไปทานเองหรือเป็นของขวัญที่ดูดีมีสไตล์ ทำง่าย ลองทำดูเลย! รับรองว่าจะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับโต๊ะอาหารและลิสต์ของขวัญของคุณแน่นอน!

วัตถุดิบ

ขั้นตอน

  1. 1. การเตรียมไส้ (ขั้นตอนนี้ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ความอร่อยของไส้คือหัวใจสำคัญของอาหารจานนี้!) รักษาให้ไส้มีความชื้นตลอดกระบวนการ โดยคลุมด้วยพลาสติกแรป
  2. วิธีเตรียมไข่แดงเค็ม นำไข่แดงเค็มออกจากไข่และล้างเยื่อสีขาวด้านนอกออกอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นไข่แดงเค็มจะมีกลิ่นคาวและรสชาติจะเปลี่ยนไป ฉีดน้ำยาปรับผ้านุ่ม (อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้ไข่แดงหอมยิ่งขึ้น จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยไม่ต้องอุ่นเตาอบก่อน อบประมาณ 8 นาที เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกจากเตาพักไว้
    วิธีเตรียมไข่แดงเค็ม
นำไข่แดงเค็มออกจากไข่และล้างเยื่อสีขาวด้านนอกออกอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นไข่แดงเค็มจะมีกลิ่นคาวและรสชาติจะเปลี่ยนไป ฉีดน้ำยาปรับผ้านุ่ม (อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้ไข่แดงหอมยิ่งขึ้น จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยไม่ต้องอุ่นเตาอบก่อน อบประมาณ 8 นาที เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกจากเตาพักไว้ วิธีเตรียมไข่แดงเค็ม
นำไข่แดงเค็มออกจากไข่และล้างเยื่อสีขาวด้านนอกออกอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นไข่แดงเค็มจะมีกลิ่นคาวและรสชาติจะเปลี่ยนไป ฉีดน้ำยาปรับผ้านุ่ม (อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้ไข่แดงหอมยิ่งขึ้น จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยไม่ต้องอุ่นเตาอบก่อน อบประมาณ 8 นาที เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกจากเตาพักไว้ วิธีเตรียมไข่แดงเค็ม
นำไข่แดงเค็มออกจากไข่และล้างเยื่อสีขาวด้านนอกออกอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นไข่แดงเค็มจะมีกลิ่นคาวและรสชาติจะเปลี่ยนไป ฉีดน้ำยาปรับผ้านุ่ม (อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้ไข่แดงหอมยิ่งขึ้น จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยไม่ต้องอุ่นเตาอบก่อน อบประมาณ 8 นาที เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกจากเตาพักไว้
  3. ปั่นหมูหยองให้ละเอียด ใส่หมูหยองลงในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อหมูนุ่มเนียน ขั้นตอนนี้จะทำให้หมูหยองนุ่มขึ้น และเมื่อผสมกับไข่แดงจะเนียนขึ้น มิฉะนั้น เศษหมูขนาดใหญ่จะทำให้รสชาติไม่อร่อย
    ปั่นหมูหยองให้ละเอียด ใส่หมูหยองลงในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อหมูนุ่มเนียน ขั้นตอนนี้จะทำให้หมูหยองนุ่มขึ้น และเมื่อผสมกับไข่แดงจะเนียนขึ้น มิฉะนั้น เศษหมูขนาดใหญ่จะทำให้รสชาติไม่อร่อย ปั่นหมูหยองให้ละเอียด ใส่หมูหยองลงในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อหมูนุ่มเนียน ขั้นตอนนี้จะทำให้หมูหยองนุ่มขึ้น และเมื่อผสมกับไข่แดงจะเนียนขึ้น มิฉะนั้น เศษหมูขนาดใหญ่จะทำให้รสชาติไม่อร่อย
  4. ผสมไข่แดงกับหมูหยอง ใส่ไข่แดงเค็มที่อบแล้วลงในหมูหยองที่ตีแล้ว แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้จะทำให้ไข่แดงและหมูหยองเข้ากันดี คุณจะได้ลิ้มรสกลิ่นหอมของไข่แดงและหมูหยองในทุกคำที่กัด
    ผสมไข่แดงกับหมูหยอง ใส่ไข่แดงเค็มที่อบแล้วลงในหมูหยองที่ตีแล้ว แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้จะทำให้ไข่แดงและหมูหยองเข้ากันดี คุณจะได้ลิ้มรสกลิ่นหอมของไข่แดงและหมูหยองในทุกคำที่กัด ผสมไข่แดงกับหมูหยอง ใส่ไข่แดงเค็มที่อบแล้วลงในหมูหยองที่ตีแล้ว แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้จะทำให้ไข่แดงและหมูหยองเข้ากันดี คุณจะได้ลิ้มรสกลิ่นหอมของไข่แดงและหมูหยองในทุกคำที่กัด
  5. ใส่เนยลงไป เติมเนยละลายที่อุณหภูมิห้องลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน การใส่เนยจะทำให้ไส้หมูหยองและไข่แดงเหนียวขึ้นและปั้นเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น มิฉะนั้นไส้จะรั่วได้ง่ายเมื่อห่อ
    ใส่เนยลงไป เติมเนยละลายที่อุณหภูมิห้องลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน การใส่เนยจะทำให้ไส้หมูหยองและไข่แดงเหนียวขึ้นและปั้นเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น มิฉะนั้นไส้จะรั่วได้ง่ายเมื่อห่อ ใส่เนยลงไป เติมเนยละลายที่อุณหภูมิห้องลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน การใส่เนยจะทำให้ไส้หมูหยองและไข่แดงเหนียวขึ้นและปั้นเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น มิฉะนั้นไส้จะรั่วได้ง่ายเมื่อห่อ ใส่เนยลงไป เติมเนยละลายที่อุณหภูมิห้องลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน การใส่เนยจะทำให้ไส้หมูหยองและไข่แดงเหนียวขึ้นและปั้นเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น มิฉะนั้นไส้จะรั่วได้ง่ายเมื่อห่อ
  6. แบ่งหมูหยองและไส้ไข่แดงออกเป็นชิ้นๆ แบ่งหมูหยองและไส้ไข่แดงที่เตรียมไว้เป็นชิ้นละ 15 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วพักไว้ การแบ่งก้อนให้เท่าๆ กันจะช่วยให้ก้อนมีขนาดเท่ากันเมื่อห่อในภายหลัง และช่วยให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นหลังอบ
    แบ่งหมูหยองและไส้ไข่แดงออกเป็นชิ้นๆ แบ่งหมูหยองและไส้ไข่แดงที่เตรียมไว้เป็นชิ้นละ 15 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วพักไว้ การแบ่งก้อนให้เท่าๆ กันจะช่วยให้ก้อนมีขนาดเท่ากันเมื่อห่อในภายหลัง และช่วยให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นหลังอบ แบ่งหมูหยองและไส้ไข่แดงออกเป็นชิ้นๆ แบ่งหมูหยองและไส้ไข่แดงที่เตรียมไว้เป็นชิ้นละ 15 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วพักไว้ การแบ่งก้อนให้เท่าๆ กันจะช่วยให้ก้อนมีขนาดเท่ากันเมื่อห่อในภายหลัง และช่วยให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นหลังอบ
  7. แบ่งไส้ถั่วแดงเป็นก้อนๆ ละ 30 กรัม แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ ไส้ถั่วแดงเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยปรับรสเค็มของหมูหยองและไส้ไข่แดง แบ่งไส้ออกเป็นก้อนๆ แล้วนำไปคลุกกับหมูหยองและไส้ไข่แดง
    แบ่งไส้ถั่วแดงเป็นก้อนๆ ละ 30 กรัม แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ ไส้ถั่วแดงเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยปรับรสเค็มของหมูหยองและไส้ไข่แดง แบ่งไส้ออกเป็นก้อนๆ แล้วนำไปคลุกกับหมูหยองและไส้ไข่แดง แบ่งไส้ถั่วแดงเป็นก้อนๆ ละ 30 กรัม แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ ไส้ถั่วแดงเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยปรับรสเค็มของหมูหยองและไส้ไข่แดง แบ่งไส้ออกเป็นก้อนๆ แล้วนำไปคลุกกับหมูหยองและไส้ไข่แดง
  8. ไส้ แผ่ไส้ถั่วแดงบดให้แบนเล็กน้อย ห่อไส้หมูหยองและไข่แดงที่เตรียมไว้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม วิธีนี้จะช่วยสร้างเนื้อสัมผัสแบบเลเยอร์ของไส้ถั่วแดงกับหมูหยองและไข่แดง
    ไส้ แผ่ไส้ถั่วแดงบดให้แบนเล็กน้อย ห่อไส้หมูหยองและไข่แดงที่เตรียมไว้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม วิธีนี้จะช่วยสร้างเนื้อสัมผัสแบบเลเยอร์ของไส้ถั่วแดงกับหมูหยองและไข่แดง ไส้ แผ่ไส้ถั่วแดงบดให้แบนเล็กน้อย ห่อไส้หมูหยองและไข่แดงที่เตรียมไว้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม วิธีนี้จะช่วยสร้างเนื้อสัมผัสแบบเลเยอร์ของไส้ถั่วแดงกับหมูหยองและไข่แดง ไส้ แผ่ไส้ถั่วแดงบดให้แบนเล็กน้อย ห่อไส้หมูหยองและไข่แดงที่เตรียมไว้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม วิธีนี้จะช่วยสร้างเนื้อสัมผัสแบบเลเยอร์ของไส้ถั่วแดงกับหมูหยองและไข่แดง
  9. ตอนที่สอง - การเตรียมแป้ง (เคล็ดลับในการทำแป้งพัฟคือชั้นของแป้งพัฟทั้งหมดขึ้นอยู่กับแป้งพัฟ!)
  10. การทำแป้งน้ำมัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดสำหรับแป้งน้ำมันลงในชามผสม แล้วนวดจนเป็นเยื่อบางๆ (9 ชั้น) หากไม่สามารถนวดแป้งได้ 90% ให้แช่เย็นแป้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปใช้ หลังจากแช่เย็น แป้งจะเกิดเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ แป้งน้ำมันต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะห่อไส้น้ำมันได้ การนวดแป้งจนเป็นเยื่อจะช่วยให้แป้งน้ำมันมีความยืดหยุ่นเพียงพอและไม่แตกง่ายเมื่อนำไปรีด
    การทำแป้งน้ำมัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดสำหรับแป้งน้ำมันลงในชามผสม แล้วนวดจนเป็นเยื่อบางๆ (9 ชั้น) หากไม่สามารถนวดแป้งได้ 90% ให้แช่เย็นแป้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปใช้ หลังจากแช่เย็น แป้งจะเกิดเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ แป้งน้ำมันต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะห่อไส้น้ำมันได้ การนวดแป้งจนเป็นเยื่อจะช่วยให้แป้งน้ำมันมีความยืดหยุ่นเพียงพอและไม่แตกง่ายเมื่อนำไปรีด การทำแป้งน้ำมัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดสำหรับแป้งน้ำมันลงในชามผสม แล้วนวดจนเป็นเยื่อบางๆ (9 ชั้น) หากไม่สามารถนวดแป้งได้ 90% ให้แช่เย็นแป้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปใช้ หลังจากแช่เย็น แป้งจะเกิดเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ แป้งน้ำมันต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะห่อไส้น้ำมันได้ การนวดแป้งจนเป็นเยื่อจะช่วยให้แป้งน้ำมันมีความยืดหยุ่นเพียงพอและไม่แตกง่ายเมื่อนำไปรีด การทำแป้งน้ำมัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดสำหรับแป้งน้ำมันลงในชามผสม แล้วนวดจนเป็นเยื่อบางๆ (9 ชั้น) หากไม่สามารถนวดแป้งได้ 90% ให้แช่เย็นแป้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปใช้ หลังจากแช่เย็น แป้งจะเกิดเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ แป้งน้ำมันต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะห่อไส้น้ำมันได้ การนวดแป้งจนเป็นเยื่อจะช่วยให้แป้งน้ำมันมีความยืดหยุ่นเพียงพอและไม่แตกง่ายเมื่อนำไปรีด การทำแป้งน้ำมัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดสำหรับแป้งน้ำมันลงในชามผสม แล้วนวดจนเป็นเยื่อบางๆ (9 ชั้น) หากไม่สามารถนวดแป้งได้ 90% ให้แช่เย็นแป้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปใช้ หลังจากแช่เย็น แป้งจะเกิดเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ แป้งน้ำมันต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะห่อไส้น้ำมันได้ การนวดแป้งจนเป็นเยื่อจะช่วยให้แป้งน้ำมันมีความยืดหยุ่นเพียงพอและไม่แตกง่ายเมื่อนำไปรีด การทำแป้งน้ำมัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดสำหรับแป้งน้ำมันลงในชามผสม แล้วนวดจนเป็นเยื่อบางๆ (9 ชั้น) หากไม่สามารถนวดแป้งได้ 90% ให้แช่เย็นแป้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปใช้ หลังจากแช่เย็น แป้งจะเกิดเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ แป้งน้ำมันต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะห่อไส้น้ำมันได้ การนวดแป้งจนเป็นเยื่อจะช่วยให้แป้งน้ำมันมีความยืดหยุ่นเพียงพอและไม่แตกง่ายเมื่อนำไปรีด
  11. ทำแป้งน้ำมัน ผสมส่วนผสมของแป้งน้ำมันเข้าด้วยกันจนหมดแป้งแห้ง แป้งน้ำมันเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู การแยกแป้งออกจากแป้งน้ำจะทำให้ได้แป้งที่กรอบเป็นชั้นๆ ระหว่างอบ
    ทำแป้งน้ำมัน ผสมส่วนผสมของแป้งน้ำมันเข้าด้วยกันจนหมดแป้งแห้ง แป้งน้ำมันเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู การแยกแป้งออกจากแป้งน้ำจะทำให้ได้แป้งที่กรอบเป็นชั้นๆ ระหว่างอบ ทำแป้งน้ำมัน ผสมส่วนผสมของแป้งน้ำมันเข้าด้วยกันจนหมดแป้งแห้ง แป้งน้ำมันเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู การแยกแป้งออกจากแป้งน้ำจะทำให้ได้แป้งที่กรอบเป็นชั้นๆ ระหว่างอบ
  12. การแบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ (ขั้นตอนสำคัญสำหรับแป้งสายรุ้ง) หมายเหตุสำคัญ: ปริมาณแป้งพายชอร์ตครัสต์ทั้งหมดในสูตรนี้คือประมาณ 270 กรัม 1. เพื่อทำแป้งพายเกลียวสีรุ้งสามสี ให้แบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 90 กรัม เติมสีผสมอาหาร 2-3 หยดลงในแป้งแต่ละส่วน 90 กรัม แล้วนวดจนเนียน
    การแบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ (ขั้นตอนสำคัญสำหรับแป้งสายรุ้ง)
หมายเหตุสำคัญ: ปริมาณแป้งพายชอร์ตครัสต์ทั้งหมดในสูตรนี้คือประมาณ 270 กรัม

1. เพื่อทำแป้งพายเกลียวสีรุ้งสามสี ให้แบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 90 กรัม เติมสีผสมอาหาร 2-3 หยดลงในแป้งแต่ละส่วน 90 กรัม แล้วนวดจนเนียน การแบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ (ขั้นตอนสำคัญสำหรับแป้งสายรุ้ง)
หมายเหตุสำคัญ: ปริมาณแป้งพายชอร์ตครัสต์ทั้งหมดในสูตรนี้คือประมาณ 270 กรัม

1. เพื่อทำแป้งพายเกลียวสีรุ้งสามสี ให้แบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 90 กรัม เติมสีผสมอาหาร 2-3 หยดลงในแป้งแต่ละส่วน 90 กรัม แล้วนวดจนเนียน การแบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ (ขั้นตอนสำคัญสำหรับแป้งสายรุ้ง)
หมายเหตุสำคัญ: ปริมาณแป้งพายชอร์ตครัสต์ทั้งหมดในสูตรนี้คือประมาณ 270 กรัม

1. เพื่อทำแป้งพายเกลียวสีรุ้งสามสี ให้แบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 90 กรัม เติมสีผสมอาหาร 2-3 หยดลงในแป้งแต่ละส่วน 90 กรัม แล้วนวดจนเนียน การแบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ (ขั้นตอนสำคัญสำหรับแป้งสายรุ้ง)
หมายเหตุสำคัญ: ปริมาณแป้งพายชอร์ตครัสต์ทั้งหมดในสูตรนี้คือประมาณ 270 กรัม

1. เพื่อทำแป้งพายเกลียวสีรุ้งสามสี ให้แบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 90 กรัม เติมสีผสมอาหาร 2-3 หยดลงในแป้งแต่ละส่วน 90 กรัม แล้วนวดจนเนียน การแบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ (ขั้นตอนสำคัญสำหรับแป้งสายรุ้ง)
หมายเหตุสำคัญ: ปริมาณแป้งพายชอร์ตครัสต์ทั้งหมดในสูตรนี้คือประมาณ 270 กรัม

1. เพื่อทำแป้งพายเกลียวสีรุ้งสามสี ให้แบ่งแป้งพายชอร์ตครัสต์ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 90 กรัม เติมสีผสมอาหาร 2-3 หยดลงในแป้งแต่ละส่วน 90 กรัม แล้วนวดจนเนียน
  13. 2. หากคุณทำขนมอบเกลียวสีเดียว ไม่จำเป็นต้องแบ่งแป้ง เพียงแค่เติมสีผสมอาหารที่คุณชื่นชอบ 5 หยด แล้วนวดจนเข้ากันดี การแบ่งแป้งออกเป็นสีต่างๆ จะสร้างเอฟเฟกต์รุ้งที่สวยงามและอร่อย การแบ่งแป้งออกเป็นชิ้นเท่าๆ กันจะทำให้แต่ละชั้นของสีแตกต่างกัน
    2. หากคุณทำขนมอบเกลียวสีเดียว ไม่จำเป็นต้องแบ่งแป้ง เพียงแค่เติมสีผสมอาหารที่คุณชื่นชอบ 5 หยด แล้วนวดจนเข้ากันดี การแบ่งแป้งออกเป็นสีต่างๆ จะสร้างเอฟเฟกต์รุ้งที่สวยงามและอร่อย การแบ่งแป้งออกเป็นชิ้นเท่าๆ กันจะทำให้แต่ละชั้นของสีแตกต่างกัน 2. หากคุณทำขนมอบเกลียวสีเดียว ไม่จำเป็นต้องแบ่งแป้ง เพียงแค่เติมสีผสมอาหารที่คุณชื่นชอบ 5 หยด แล้วนวดจนเข้ากันดี การแบ่งแป้งออกเป็นสีต่างๆ จะสร้างเอฟเฟกต์รุ้งที่สวยงามและอร่อย การแบ่งแป้งออกเป็นชิ้นเท่าๆ กันจะทำให้แต่ละชั้นของสีแตกต่างกัน
  14. 1. สำหรับทำขนมอบสามสี: แบ่งแป้งออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 9 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ 2. สำหรับทำขนมอบสีเดียว: แบ่งแป้งแต่ละชิ้นออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 27 กรัม
    1. สำหรับทำขนมอบสามสี: แบ่งแป้งออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 9 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ

2. สำหรับทำขนมอบสีเดียว: แบ่งแป้งแต่ละชิ้นออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 27 กรัม 1. สำหรับทำขนมอบสามสี: แบ่งแป้งออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 9 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ

2. สำหรับทำขนมอบสีเดียว: แบ่งแป้งแต่ละชิ้นออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 27 กรัม 1. สำหรับทำขนมอบสามสี: แบ่งแป้งออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 9 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ

2. สำหรับทำขนมอบสีเดียว: แบ่งแป้งแต่ละชิ้นออกเป็นชิ้นๆ น้ำหนัก 27 กรัม
  15. การแบ่งแป้งมัน สิ่งสำคัญสำหรับแป้งมัน: สูตรนี้ได้แป้งมันประมาณ 380 กรัม แบ่งแป้งออกเป็นก้อนๆ ละ 38 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลม รักษาความชื้นของแป้งโดยคลุมด้วยพลาสติกแรปหรือถุงพลาสติกตลอดกระบวนการ มิฉะนั้นแป้งจะแห้งและแตก ทำให้มีโอกาสฉีกขาดได้ง่ายเมื่อห่อ
    การแบ่งแป้งมัน สิ่งสำคัญสำหรับแป้งมัน: สูตรนี้ได้แป้งมันประมาณ 380 กรัม แบ่งแป้งออกเป็นก้อนๆ ละ 38 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลม รักษาความชื้นของแป้งโดยคลุมด้วยพลาสติกแรปหรือถุงพลาสติกตลอดกระบวนการ มิฉะนั้นแป้งจะแห้งและแตก ทำให้มีโอกาสฉีกขาดได้ง่ายเมื่อห่อ การแบ่งแป้งมัน สิ่งสำคัญสำหรับแป้งมัน: สูตรนี้ได้แป้งมันประมาณ 380 กรัม แบ่งแป้งออกเป็นก้อนๆ ละ 38 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลม รักษาความชื้นของแป้งโดยคลุมด้วยพลาสติกแรปหรือถุงพลาสติกตลอดกระบวนการ มิฉะนั้นแป้งจะแห้งและแตก ทำให้มีโอกาสฉีกขาดได้ง่ายเมื่อห่อ การแบ่งแป้งมัน สิ่งสำคัญสำหรับแป้งมัน: สูตรนี้ได้แป้งมันประมาณ 380 กรัม แบ่งแป้งออกเป็นก้อนๆ ละ 38 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลม รักษาความชื้นของแป้งโดยคลุมด้วยพลาสติกแรปหรือถุงพลาสติกตลอดกระบวนการ มิฉะนั้นแป้งจะแห้งและแตก ทำให้มีโอกาสฉีกขาดได้ง่ายเมื่อห่อ
  16. ส่วนที่ 3 ขั้นตอนการประกอบ (อดทนหน่อยนะ ความสวยงามของเกลียวสายรุ้งขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้!)
  17. รีดแป้งออก หยิบแป้งหนึ่งแผ่น กดให้แบนเล็กน้อย รีดขึ้นและลงหนึ่งครั้ง จากนั้นรีดไปทางซ้ายหนึ่งครั้งและขวาหนึ่งครั้ง ให้กว้างประมาณฝ่ามือ การรีดแบบนี้จะทำให้แป้งเรียบและห่อไส้ที่เคลือบน้ำมันได้ง่ายขึ้น
    รีดแป้งออก หยิบแป้งหนึ่งแผ่น กดให้แบนเล็กน้อย รีดขึ้นและลงหนึ่งครั้ง จากนั้นรีดไปทางซ้ายหนึ่งครั้งและขวาหนึ่งครั้ง ให้กว้างประมาณฝ่ามือ การรีดแบบนี้จะทำให้แป้งเรียบและห่อไส้ที่เคลือบน้ำมันได้ง่ายขึ้น
  18. การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก
    การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การห่อแป้งเปียกด้วยน้ำมัน การรีดแป้งและการพักแป้ง

วางแป้งเปียก 3 ส่วน น้ำหนัก 9 กรัม (หรือ 1 ส่วน น้ำหนัก 27 กรัม) ลงตรงกลางแป้งน้ำ กดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ จากนั้นพับแป้งจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา พลิกแป้งแล้วรีดแป้งให้แบนเบาๆ ด้วยไม้คลึงแป้ง จากนั้นใช้มือตบแป้งให้แบนราบเพื่อให้แป้งเปียกเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้น รีดแป้งขึ้น ลง ซ้ายไปขวา เหมือนกับการรีดแป้งน้ำ ระวังอย่ารีดแป้งไปมา จากนั้นพลิกแป้งขึ้นและรีดแป้งขึ้น การรีดแป้งขึ้นจะทำให้ชั้นของแป้งน้ำและแป้งเปียกดูโดดเด่นขึ้น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนสวยยิ่งขึ้นระหว่างอบ

หลังจากห่อแป้งเปียกด้วยแป้งน้ำทั้งหมดแล้วรีดแป้งขึ้น พักแป้งไว้ 15 นาที การพักแป้งจะช่วยให้แป้งได้พัก ไม่เช่นนั้นแป้งจะฉีกขาดได้ง่ายหากรีดแป้งอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก
  19. ขั้นตอนการรีดแป้งคุ้กกี้สีชมพูสีเดียวและคุ้กกี้สามสีจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 15
    ขั้นตอนการรีดแป้งคุ้กกี้สีชมพูสีเดียวและคุ้กกี้สามสีจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 15 ขั้นตอนการรีดแป้งคุ้กกี้สีชมพูสีเดียวและคุ้กกี้สามสีจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 15 ขั้นตอนการรีดแป้งคุ้กกี้สีชมพูสีเดียวและคุ้กกี้สามสีจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 15 ขั้นตอนการรีดแป้งคุ้กกี้สีชมพูสีเดียวและคุ้กกี้สามสีจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 15 ขั้นตอนการรีดแป้งคุ้กกี้สีชมพูสีเดียวและคุ้กกี้สามสีจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 15
  20. การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น
    การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สอง นำแป้งที่รีดและขึ้นรูปครั้งแรกมารีดให้แบนเล็กน้อยด้วยมือ แล้วรีดขึ้นลง (อย่ารีดไปมา) เหมือนกับการรีดแป้งที่ทาด้วยน้ำมัน จากนั้นพลิกกลับด้านแล้วรีดอีกครั้ง คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ พยายามรีดให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งก่อน แล้วจึงรีดออก วิธีนี้จะทำให้น้ำมันที่เคลือบแป้งเรียบเนียนขึ้นและสีของแป้งที่ห่อไว้จะสวยงามยิ่งขึ้น การรีดและขึ้นรูปครั้งที่สองคือการเพิ่มชั้นแป้งและทำให้แป้งพัฟดูเด่นชัดขึ้น
  21. การตัด หลังจากเตรียมแป้งทั้งหมดแล้ว ให้นำแป้งหนึ่งแผ่นมาตัดแบ่งครึ่งตามยาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นให้ด้านที่ตัดหันขึ้น (เข้าหาตัว) แล้วใช้ฝ่ามือกดให้แบนเล็กน้อย มีดต้องคม มิฉะนั้นการตัดจะไม่เรียบและส่งผลต่อรูปทรงสุดท้าย
    การตัด
หลังจากเตรียมแป้งทั้งหมดแล้ว ให้นำแป้งหนึ่งแผ่นมาตัดแบ่งครึ่งตามยาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นให้ด้านที่ตัดหันขึ้น (เข้าหาตัว) แล้วใช้ฝ่ามือกดให้แบนเล็กน้อย มีดต้องคม มิฉะนั้นการตัดจะไม่เรียบและส่งผลต่อรูปทรงสุดท้าย การตัด
หลังจากเตรียมแป้งทั้งหมดแล้ว ให้นำแป้งหนึ่งแผ่นมาตัดแบ่งครึ่งตามยาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นให้ด้านที่ตัดหันขึ้น (เข้าหาตัว) แล้วใช้ฝ่ามือกดให้แบนเล็กน้อย มีดต้องคม มิฉะนั้นการตัดจะไม่เรียบและส่งผลต่อรูปทรงสุดท้าย การตัด
หลังจากเตรียมแป้งทั้งหมดแล้ว ให้นำแป้งหนึ่งแผ่นมาตัดแบ่งครึ่งตามยาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นให้ด้านที่ตัดหันขึ้น (เข้าหาตัว) แล้วใช้ฝ่ามือกดให้แบนเล็กน้อย มีดต้องคม มิฉะนั้นการตัดจะไม่เรียบและส่งผลต่อรูปทรงสุดท้าย
  22. รีดแป้งและใส่ไส้ โดยหงายด้านที่ตัดขึ้น กดลงด้วยฝ่ามือ จากนั้นพลิกแป้งแล้วม้วนขึ้นลง จากนั้นใช้ไม้คลึงแป้งคลึงซ้ายและขวา ยกแป้งขึ้นแล้วหมุนเพื่อให้ขอบบางลง ห่อไส้ถั่วแดงกวนและไข่แดงเค็มไว้ด้านใน ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ปิดแป้ง ระวังอย่าให้ไส้ตรงกลางม้วนเข้าใกล้ฝ่ามือมากเกินไปขณะปิดแป้ง เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งเสียรูป บีบแป้งให้แน่น การหมุนแป้งขณะรีดแป้งจะช่วยให้แป้งเรียบเสมอกัน และการบีบไส้ให้แน่นจะช่วยป้องกันไม่ให้ไส้ไหลออกมาระหว่างอบ
    รีดแป้งและใส่ไส้ โดยหงายด้านที่ตัดขึ้น กดลงด้วยฝ่ามือ จากนั้นพลิกแป้งแล้วม้วนขึ้นลง จากนั้นใช้ไม้คลึงแป้งคลึงซ้ายและขวา ยกแป้งขึ้นแล้วหมุนเพื่อให้ขอบบางลง ห่อไส้ถั่วแดงกวนและไข่แดงเค็มไว้ด้านใน ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ปิดแป้ง ระวังอย่าให้ไส้ตรงกลางม้วนเข้าใกล้ฝ่ามือมากเกินไปขณะปิดแป้ง เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งเสียรูป บีบแป้งให้แน่น การหมุนแป้งขณะรีดแป้งจะช่วยให้แป้งเรียบเสมอกัน และการบีบไส้ให้แน่นจะช่วยป้องกันไม่ให้ไส้ไหลออกมาระหว่างอบ
  23. 4. การอบ (ขั้นตอนสุดท้ายที่ทำให้กรอบและอร่อย!)
  24. การอบในเตาอบ อุ่นเตาอบ วางแป้งพายรูปเกลียวที่ห่อแล้วลงในเตาอบที่อุณหภูมิ 180°C บนตะแกรงกลาง อบเป็นเวลา 30 นาที ปิดด้วยฟอยล์อะลูมิเนียมหลังจากอบประมาณ 12 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งไหม้เกรียม การอุ่นเตาอบจะช่วยให้ความร้อนทั่วถึง และการปิดด้วยฟอยล์จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ ซึ่งจะส่งผลต่อรูปลักษณ์และรสชาติ
    การอบในเตาอบ
อุ่นเตาอบ วางแป้งพายรูปเกลียวที่ห่อแล้วลงในเตาอบที่อุณหภูมิ 180°C บนตะแกรงกลาง อบเป็นเวลา 30 นาที ปิดด้วยฟอยล์อะลูมิเนียมหลังจากอบประมาณ 12 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งไหม้เกรียม การอุ่นเตาอบจะช่วยให้ความร้อนทั่วถึง และการปิดด้วยฟอยล์จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ ซึ่งจะส่งผลต่อรูปลักษณ์และรสชาติ
  25. ดูขนมอบรูปเกลียวพวกนี้สิ อร่อยสุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ? ชั้นต่างๆ กรอบและโดดเด่น แตกกระจายเหมือนสายรุ้ง แค่กัดคำเดียวก็แตกง่าย ทั้งรูปลักษณ์และรสชาติก็เลิศ!
    ดูขนมอบรูปเกลียวพวกนี้สิ อร่อยสุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ? ชั้นต่างๆ กรอบและโดดเด่น แตกกระจายเหมือนสายรุ้ง แค่กัดคำเดียวก็แตกง่าย ทั้งรูปลักษณ์และรสชาติก็เลิศ! ดูขนมอบรูปเกลียวพวกนี้สิ อร่อยสุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ? ชั้นต่างๆ กรอบและโดดเด่น แตกกระจายเหมือนสายรุ้ง แค่กัดคำเดียวก็แตกง่าย ทั้งรูปลักษณ์และรสชาติก็เลิศ!
  26. การบรรจุและการเก็บรักษา หลังจากเย็นสนิทแล้ว ให้สวมถุงมือเพื่อบรรจุ ดูสวยงามและเหมาะที่จะเป็นของขวัญให้เพื่อนในช่วงวันหยุด หรือเป็นของว่างแสนอร่อยสำหรับตัวคุณเอง วิธีการเก็บรักษา: แช่เย็น 1 สัปดาห์ แช่แข็ง 3 เดือน สำหรับรับประทาน ให้นำออกจากตู้เย็นและปล่อยให้ละลายเล็กน้อย จากนั้นนำไปอบในเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติเหมือนอบสดใหม่
    การบรรจุและการเก็บรักษา

หลังจากเย็นสนิทแล้ว ให้สวมถุงมือเพื่อบรรจุ ดูสวยงามและเหมาะที่จะเป็นของขวัญให้เพื่อนในช่วงวันหยุด หรือเป็นของว่างแสนอร่อยสำหรับตัวคุณเอง

วิธีการเก็บรักษา: แช่เย็น 1 สัปดาห์ แช่แข็ง 3 เดือน สำหรับรับประทาน ให้นำออกจากตู้เย็นและปล่อยให้ละลายเล็กน้อย จากนั้นนำไปอบในเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติเหมือนอบสดใหม่ การบรรจุและการเก็บรักษา

หลังจากเย็นสนิทแล้ว ให้สวมถุงมือเพื่อบรรจุ ดูสวยงามและเหมาะที่จะเป็นของขวัญให้เพื่อนในช่วงวันหยุด หรือเป็นของว่างแสนอร่อยสำหรับตัวคุณเอง

วิธีการเก็บรักษา: แช่เย็น 1 สัปดาห์ แช่แข็ง 3 เดือน สำหรับรับประทาน ให้นำออกจากตู้เย็นและปล่อยให้ละลายเล็กน้อย จากนั้นนำไปอบในเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติเหมือนอบสดใหม่ การบรรจุและการเก็บรักษา

หลังจากเย็นสนิทแล้ว ให้สวมถุงมือเพื่อบรรจุ ดูสวยงามและเหมาะที่จะเป็นของขวัญให้เพื่อนในช่วงวันหยุด หรือเป็นของว่างแสนอร่อยสำหรับตัวคุณเอง

วิธีการเก็บรักษา: แช่เย็น 1 สัปดาห์ แช่แข็ง 3 เดือน สำหรับรับประทาน ให้นำออกจากตู้เย็นและปล่อยให้ละลายเล็กน้อย จากนั้นนำไปอบในเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติเหมือนอบสดใหม่ การบรรจุและการเก็บรักษา

หลังจากเย็นสนิทแล้ว ให้สวมถุงมือเพื่อบรรจุ ดูสวยงามและเหมาะที่จะเป็นของขวัญให้เพื่อนในช่วงวันหยุด หรือเป็นของว่างแสนอร่อยสำหรับตัวคุณเอง

วิธีการเก็บรักษา: แช่เย็น 1 สัปดาห์ แช่แข็ง 3 เดือน สำหรับรับประทาน ให้นำออกจากตู้เย็นและปล่อยให้ละลายเล็กน้อย จากนั้นนำไปอบในเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติเหมือนอบสดใหม่ การบรรจุและการเก็บรักษา

หลังจากเย็นสนิทแล้ว ให้สวมถุงมือเพื่อบรรจุ ดูสวยงามและเหมาะที่จะเป็นของขวัญให้เพื่อนในช่วงวันหยุด หรือเป็นของว่างแสนอร่อยสำหรับตัวคุณเอง

วิธีการเก็บรักษา: แช่เย็น 1 สัปดาห์ แช่แข็ง 3 เดือน สำหรับรับประทาน ให้นำออกจากตู้เย็นและปล่อยให้ละลายเล็กน้อย จากนั้นนำไปอบในเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติเหมือนอบสดใหม่
Languages
Regenbogen-Spiralgebäck - Deutsch (German) version
Rainbow Spiral Pastry - English version
Pastel espiral arcoíris - Española (Spanish) version
Pâtisserie spirale arc-en-ciel - Français (French) version
Kue Spiral Pelangi - Bahasa Indonesia (Indonesian) version
Pasta frolla a spirale arcobaleno - Italiana (Italian) version
レインボースパイラルペストリー - 日本語 (Japanese) version
레인보우 스파이럴 페이스트리 - 한국인 (Korean) version
ขนมอบเกลียวสีรุ้ง - แบบไทย (Thai) version
彩虹螺旋酥 - 香港繁體中文 (Traditional Chinese - Hong Kong) version